โปลิศ เทโร สู้เต็มที่! แม้ตกชั้นก็ไม่ยุบทีม  

ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 เหลือเพียง 4 นัดสุดท้ายแล้ว โซนแย่งแชมป์ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มี 75 แต้ม ทิ้งห่าง "แข้งเทพ"  ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึง 9 แต้ม ต้องการชัยชนะอีกนัดเดียว จะการันตีแชมป์ ขณะที่ แบงค็อก ก็ขอเพียงแต้มเดียว เพื่ออันดับ 2 พื้นที่บอลเอเชีย เพราะนำ ที่ 3 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึง 12 แต้ม

ส่วนโซนท้ายตาราง ที่คัดตกชั้น 5 ทีม  แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล กับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ตกชั้นไปแล้ว แต่หลายทีมยังขับเคี่ยว ราชนาวี มี 26 แต้ม ต้องชนะทุกนัดที่เหลือ เพื่อลุ้นต่อ, โปลิศ เทโร เอฟซี 33 แต้ม, ชัยนาท ฮอร์นบิล 35 แต้ม, สุโขทัย เอฟซี 36 แต้ม, สุพรรณบุรี เอฟซี 37 แต้ม, ราชบุรี มิตรผล กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี 38 แต้ม และ ชลบุรี เอฟซี 39 แต้ม

ในส่วนของ "มังกรโล่เงิน" โปลิศ เทโร เอฟซี หนึ่งในทีมที่ต้องลุ้นหนัก เพิ่งเปลี่ยนโค้ช แยกทางกับ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน แล้วให้ "โค้ชอ้น" รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค คุมทัพแทน ล่าสุดแพ้ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล 2-3

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผู้อำนวยการสโมสรโปลิศ เทโร กล่าวว่า ถึงตอนนี้ทีมยังเชื่อว่าจะเอาตัวรอดได้ในลีกสูงสุด ทุกคนในทีม และทุกฝ่าย มุ่งมั่นเต็มที่ ที่จะกู้วิกฤตินี้ให้ได้ ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานสโมสร ก็แสดงความห่วงใย ขอให้ทุกคนทำหน้าที่สุดความสามารถ

"รองบุ๊ง" กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามในแง่ของเกมกีฬา อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากสุดท้ายแล้ว โปลิศเทโร ต้องตกชั้นจริงๆ ผู้บริหารในทีมก็พร้อมจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีการท้อถอย หรือยุบทีมแน่นอน ขอให้แฟนบอลสบายใจได้เลย ตำรวจไทยไม่มียอมแพ้อยู่แล้ว ตกชั้นได้ก็ขึ้นได้ โดยผู้บริหารชุดนี้เข้ามาทำงานได้ไม่นาน กำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนให้ทีมดีขึ้น มีแผนงานระยะยาว 10 ปี ผู้สนับสนุนหลายรายยังคงติดต่อขอเข้ามาร่วมหุ้น แต่คงต้องเป็นหุ้นส่วนเล็กเท่านั้น นอกจากนี้ทีมยังวางแผนรอบด้าน ทั้งด้านงานการตลาด การประสานงานต่างประเทศ หรือด้านช่องทางประชาสัมพันธ์

"เราเพิ่งเข้ามาทำทีมได้ไม่นาน อยากให้แฟนบอลใจเย็นๆ เรากำลังปรับตัว ปีนี้เราสู้เต็มที่แม้จะตกชั้นไป เราก็สู้ต่อ ไม่ยุบทีมแน่นอน ตำรวจไทยไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เราวางแผนงานกันระยะยาวถึง 10 ปี มั่นใจจะมีแชมป์มาฝากแฟนบอล"

โดยนัดต่อไป โปลิศ เทโร จะเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันที่ 22 ก.ย. เวลา 20.00 น.

ปล.ขอขอบคุณเนื้อหาทั้งหมดจากwww.dailynews.co.th