สมาคมยัน! จับตาดูพวกจ้องล้มบอลไทยลีกอยู่  

 สมาคมยัน! จับตาดูพวกจ้องล้มบอลไทยลีกอยู่
 
แบ่งปันเรื่องราวดีๆให้เพื่อนๆคุณรู้สิ 
 ข่าวเมื่อ : 17 กันยายน 2561     เข้าชม : 79 ครั้ง
 

ศึกฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก 2018 อยู่ในช่วงเข้มข้น หลังจบสุดสัปดาห์นี้จะเหลืออีกแค่ 4 นัด โดยเฉพาะโซนท้ายตาราง หนีตกชั้น ที่คัดตกชั้นถึง 5 ทีม โดย แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล กับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ร่วงไปแล้ว เพื่อที่ในฤดูกาลหน้าจะลดเหลือ 16 ทีม ทำให้เป็นที่จับตาถึงการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้น รวมทั้งเรื่องการล็อกผลบอล ก็มีการพูดถึง และจับตามองเช่นกัน เพราะมีหลายๆ ทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตายฝุ่นตลบ

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการเฝ้าระวังการล็อกผลบอลจาก นายวรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด ซึ่ง นายวรงค์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าปัจจุบันนี้การล็อกผลบอลคงทำได้ลำบากแล้ว เพราะมีการถ่ายทอดสด ถูกจับตามองจากทั่วประเทศ นอกจากนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย, บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ร่วมมใอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างจริงจัง ในการปราบปราม เห็นได้จากข่าวคราวการดำเนินคดีบุคคลต่างๆ ที่ฮือฮากัน ถึงขนาดตำรวจสากล ยังเชิญไปร่วมเสวนาในเวทีระดับโลก นอกจากนี้ก็ยังร่วมมือกับ สปอร์ตเรดาร์ เพื่อสืบค้นข้อมูลด้วย

 

"เรื่องนี้ มีการประสานงานหลายฝ่ายเพื่อป้องกัน ปราบปราม เราไม่รอให้เหตุเกิดก่อน แล้วไปตามจับ แต่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ใครที่มีประวัติ มีเบาะแส เป็นผู้ต้องสงสัย ทางตำรวจ และสมาคมลูกหนังไทย มีชื่ออยู่แล้ว บุคคลเหล่านี้จะถูกจับตาเป็นพิเศษ เรียกว่าถูกตามประกบเลยก็ว่าได้"

 

นายวรงค์ กล่าวด้วยว่า สำหรับบุคคลที่กำลังจะเข้าสู่ขบวนการล็อกผลบอลนั้น ต้องคิดให้หนัก เพราะตอนนี้มีพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ มีบทลงโทษทางกฎหมายอย่างชัดเจน กลุ่มที่กำลังถูกดำเนินคดีก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่าง นอกจากนี้ในความเป็นนักกีฬาอาชีพ ต้องรักษาตัวเอง และวงการไม่ให้เสื่อม เพราะจะส่งผลต่อวิกฤติศรัทธา คงไม่มีแฟนบอลอยากมาดูกีฬา ถ้ารู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร ต้องคิดถึงประโยชน์ในระยะยาว อย่าคิดเพียงผลตอบแทนเฉพาะหน้า

 

ส่วนเรื่องการใช้วิดีโอช่วยการตัดสิน หรือ "VAR-Video Assistant Referee" นายวรงค์ กล่าวว่า ในช่วงท้ายฤดูกาลนี้ คงไม่มีการเพิ่มจำนวนแมตช์ที่ใช้ เพราะอุปกรณ์ยังมีเท่าเดิม รับรองได้แมตช์เดย์ละ 2-3 คู่ แต่ในปีหน้า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะจัดเต็ม เอามาใช้ในทุกคู่แน่นอน

 

ปล.ขอบคุณเนื้อหาทั้งหมดจากwww.dailynews.co.th

อ้างอิง :