หลายชาติอาเซียนพอใจ ระบบใหม่ในซูซูกิ คัพ  

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018" ใกล้ได้บทสรุปแล้ว โดยรอบชิงชนะเลิศ จะมีในวันที่ 11 และ 15 ธ.ค.นี้ ทีมแชมป์รับเงินรางวัล 300,000 ดอลลาสหรัฐ (ประมาณ 9.9 ล้านบาท) พร้อมถ้วยรางวัล, รองแชมป์ 100,000 ดอลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.3 ล้านบาท) ส่วน 2 ทีมที่แพ้ในรอบรองชนะเลิศ รับเงินทีมละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.65 ล้านบาท)

ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน จัดครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 12 หนนี้เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน จากที่รอบแรก หรือรอบแบ่งกลุ่ม แข่งแบบมีเจ้าภาพ 2 ชาติ มาเป็นแบบไม่มีเจ้าภาพ ให้ทุกทีมต้องเล่นเกมเหย้า 2 นัด เกมเยือน 2 นัด เนื่องจากสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ต้องการให้จำนวนผู้ชมในสนามมีมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวกีฬาเดลินิวส์สอบถามทัศนะคีย์แมนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถึงการประเดิมรูปแบบใหม่ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เอเอฟเอฟ พยายามคิดทุกวิธีไม่ให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ รวมทั้งอยากให้คนดูเยอะๆ แต่เรื่องเมือง, สนามแข่ง ก็เป็นสิทธิของชาตินั้นว่าจะจัดที่ไหน

"อย่างฟิลิปปินส์ ที่ไปจัดบาโคลอด ก็ไม่รู้ว่าเอเจนซี่พอใจแค่ไหน ผมสงสัยว่าทำไมไม่มาจัดกรุงมะนิลา หรือถ้าชาติไหนไม่พร้อมก็มาแข่งสนามเป็นกลาง หรืออย่าง ติมอร์เลสเต มาเตะที่บ้านเรา เราหักค่าใช้จ่าย แล้วค่าบัตรที่เหลือให้เขาไปในฐานะที่เป็นทีมเหย้า"

ด้าน "เดอะโจ" นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เอเอฟเอฟ พยายามหาวิธีปรับระบบการแข่งเพื่อยกระดับเกมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในระบบใหม่ ก็หวังเพิ่มจำนวนผู้ชมให้มากขึ้น ส่วนตัวแล้วคิดว่าหลายๆชาติ จะพอใจ เพราะมีโอกาสจัดเกมในบ้านเหมือนกันหมด วิน-วิน เรียกแฟนบอลเข้าสนาม เช่นชาติอย่าง กัมพูชา ที่ไม่เคยเป็นเจ้าภาพ สถิติผู้ชม 2 เกมเหย้าก็ดีมาก นัดแรก 30,000 คน อีกนัด 35,000 คน 

โฆษกลูกหนังไทย กล่าวด้วยว่าอย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดหนต่อไป ทางเอเอฟเอฟ ยังไม่ได้มีมติว่าจะคงรูปแบบเดิม หรือมีรูปแบบใหม่ คาดว่าในวันรอบชิงชนะเลิศนัด 2 (15 ธ.ค.) จะมีการประชุมสมาชิกเอเอฟเอฟ ที่ชาติเจ้าภาพ วันดังกล่าวน่าจะมีการหยิบยกข้อมูล รายละเอียด ข้อดี ข้อเสียของการจัดศึกชิงแชมป์อาเซียนระบบใหม่มาพูดคุยกัน ก่อนจะตัดสินใจว่า จะใช้ระบบนี้ต่อไปหรือไม่

ปล.ขอขอบคุณเนื้อหาทั้งหมดจากwww.dailynews.co.th