กกท. เร่งสอบสมาคมฟุตบอลไทย หลัง บิ๊กเจี๊ยบ ร้อง  

 กกท. เร่งสอบสมาคมฟุตบอลไทย หลัง บิ๊กเจี๊ยบ ร้อง
 
แบ่งปันเรื่องราวดีๆให้เพื่อนๆคุณรู้สิ 
 ข่าวเมื่อ : 08 มกราคม 2562     เข้าชม : 389 ครั้ง
 

"บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อุบไต๋ชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยหน้า

 

 จากการณีที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการดำเนินกิจการของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เนื่องจากเห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และข้อบังคับของสมาคมฯ นั้น

 

เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กกท.หัวหมาก “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เปิดแถลงข่าวกรณีที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

 

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า หลังจาก กกท.ได้รับเรื่องร้องเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดย พล.ต.พิสัณห์ ยื่นเรื่องร้องเรียน เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2561 กกท.ก็ได้ตรวจสอบข้อมูล และส่งหนังสือให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ  เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ตอบกลับมา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2561 เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

 

ทั้งนี้ กกท.ได้พิจารณาตามเอกสารต่างๆ และมอบหมายให้ นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศฯ เป็นหัวหน้าทีมพิจารณา ซึ่งข้อสรุปในเบื้องต้นยังไม่ยุติ มีบางประเด็นชัดเจนแล้ว แต่มีบางประเด็นไม่ชัดเจนคือ เรื่องกระบวนการถอดถอน พล.ต.ท.พิสัณห์ ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่ง กกท.จะทำเรื่องขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยื่นเอกสารเพิ่มเติมว่า กระบวนการถอดถอนถูกต้องตามข้อบังคับที่จะต้องแจ้งเรื่องเชิญสภากรรมการสมาคมล่วงหน้า 7 วัน รวมทั้งการประชุม และการขอมติถอดถอนมีความถูกต้องชอบด้วยกฏหมาย และข้อบังคับสมาคมหรือไม่ รวมทั้งให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชี้แจงประเด็นใหม่ที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ ยื่นเรื่องร้องเรียน เข้ามาเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2562 อีกด้วย

 

ผู้ว่าการ กกท.กล่าวอีกว่า ถ้าตรวจสอบแล้ว การถอดถอนนั้นไม่ชอบ ตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็ยังเป็นของ พล.ต.ท.พิสัณห์ ตามเดิม แต่ถ้าถูกต้องก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่ง กกท.จะพิจารณาจากข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่าย และไม่จำเป็นต้องเชิญทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยร่วมกัน ส่วนประเด็นร้องเรียนที่เกี่ยวกับเรื่องภาษี และการจ้างงานนั้น เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของผู้จ้าง และผู้ถูกจ้าง รวมทั้งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ


“กกท.ไม่ได้ละเลยในการแก้ไขปัญหานี้ และได้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้โอกาสผู้ร้อง และผู้ถูกร้องเท่าเทียมกัน แต่เราก็จะเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน แม้กฏหมายจะไม่ได้กำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ แต่ กกท.จะเร่งแก้ไข เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาคาราคาซังในการดำเนินการต่างๆ ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ”  

 

ดร.ก้องศักด กล่าวอีกว่า หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว กกท.จะเปิดเผยรายละเอียดแน่นอน ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร โดยในกรณีที่พบว่า มีการกระทำที่มีความเสื่อมเสียต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กกท.ก็จะมีอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ที่จะดำเนินการกับสมาคมได้ตั้งแต่โทษเบาไปจนโทษหนัก ทั้งการตักเตือนให้แก้ไขให้ถูกต้อง การระงับการทำหน้าที่ปฏิบัติการชั่วคราว จนกระทั่งการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารสมาคม ซึ่งก็จะต้องพิจารณาเรื่องโทษหนักเบาตามเจตนา และผลกระทบต่อวงการฟุตบอลไทยด้วย

 

“โทษหนักที่สุดในทางปกครองของ กกท.ก็คือ ต้องมีการยกเลิกคณะกรรมการบริหารสมาคม นั่นก็คือให้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมใหม่ ซึ่งตรงนั้นยังต้องไปอีกไกลมาก เพราะว่าจะต้องดูข้อเท็จจริงต่างๆ ว่ามีความหนักเบาอย่างไร จุดนี้เรายังไม่ได้ชี้ว่ามีใครกระทำผิด และถึงแม้ว่าจะชี้ไปแล้วว่ามีการกระทำผิดข้อบังคับต่างๆ เราก็จะต้องมาพิจารณาถึงโทษกันอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งกว่าจะไปถึงโทษจุดนั้นผมคิดว่ายังอีกไกล และยังไม่เหมาะสมในเวลานี้ที่จะพูด” บิ๊กก้องกล่าวปิดท้าย

 

ในขณะที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ กล่าวว่า หลังจากได้มาฟังการชี้แจงการดำเนินการของ กกท.ก็รู้สึกพอใจ ตรงกับที่ตัวเองต้องการจะทราบ หลังจากนี้ก็ให้ กกท.นำข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่ายไปเปรียบเทียบ และตัดสิน ถ้าการตัดสินออกมาเป็นสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถูกต้อง ตัวเองก็พร้อมยอมรับการตัดสิน แต่ถ้าตัดสินให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ผิด ตัวเองก็พร้อมทำหน้าที่เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อไป ส่วนจะลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยหน้าหรือไม่นั้น ขอคิดอีกทีว่าจะตัดสินใจอย่างไร

 

ปล.ขอขอบคุณเนื้อหาทั้งหมดจากwww.komchadluek.net

อ้างอิง :